เมนู

และเพราะเสด็จไปโดยชอบ. บทว่า มิถิลํ ปติ ความว่า กำลังเสด็จมุ่งสู่
มิถิลา คือกรุงมิถิลา.
บทว่า สจิตฺตํ ปฏิลทฺธาน ได้แก่ ละความบ้ากลับได้ปกติจิตของ
ตน เพราะพุทธานุภาพ.
บทว่า ยุญฺชนฺตี สตฺถุ วจเน ได้แก่ ทำความเพียร คือตาม
ประกอบภาวนาในคำสอนของพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า. บทว่า สจฺฉากาสึ
ปทํ สิวํ
ความว่า ได้ทำให้แจ้งซึ่งบทคือพระนิพพานธรรมอันรุ่งเรืองเกษมไม่
ถูกโยคะ 4 เบียดเบียน. บทว่า เอตทนฺติกา ความว่า ความโศกทั้งหลาย
ชื่อว่า เอตทันติกะ เพราะมีพระอรหัตที่ข้าพเจ้าบทลุในบัดนี้เป็นที่สุดเป็น
ปริโยสาน อธิบายว่า บัดนี้ เหตุเกิดแห่งความโศกเหล่านั้นไม่มี. บทว่า
ยโต โสกาน สมฺภโว ประกอบความว่า เพราะเหตุที่ข้าพเจ้ากำหนดรู้เหตุ
เกิดแห่งความโศกมีลักษณะไหม้เกรียมอยู่ภายใน วัตถุกล่าวคืออุปาทานขันธ์ 5
ที่ตั้งแห่งความโศกเหล่านั้น ด้วยญาตปริญญากำหนดรู้ด้วยการรู้ ตีรณปริญญา
กำหนดรู้ด้วยการพิจารณา ปหานปริญญากำหนดรู้ด้วยการละ เพราะฉะนั้น
ความโศกจึงมีอรหัตผลนั้นเป็นที่สุด.
จบอรรถกถาวาเสฏฐีเถรีคาถา

3. เขมาเถรีคาถา


[453] มารผู้มีบาปกล่าวประเล้าประโลมพระเถรีด้วยบทว่า
แม่นางเขมาเอย เจ้าก็สาวสคราญ เราก็หนุ่ม
แน่น มาสิ เรามาร่วมอภิรมย์กันด้วยดนตรีเครื่อง 5
เถิดนะเจ้า.

พระเถรีกล่าวว่า
เราอึดอัดเอือมระอา ด้วยกายอันเปื่อยเน่า กระ-
สับกระส่าย มีอันจะแตกพังไปนี้อยู่ เราถอนกาม-
ตัณหาได้แล้ว.
กามทั้งหลายอุปมาด้วยหอกและหลาว มีขันธ์ทั้ง
หลายเป็นเขียงรองสับ บัดนี้ความยินดีในกามที่ท่าน
พูดถึง ไม่มีแก่เราแล้ว.
เรากำจัดความเพลิดเพลินในกามทั้งปวงได้แล้ว
เราทำลายกองความมืด [อวิชชา] เสียแล้ว.
ดูก่อนมารใจบาป ท่านจงรู้อย่างนี้ว่า ตัวท่านก็
ถูกเรากำจัดเสียแล้ว.
พวกคนเขลาไม่รู้ตามความเป็นจริง พากันนอบ
น้อมดวงดาวทั้งหลาย นำเธอไปอยู่ในป่าคือลัทธิ แล้ว
สำคัญว่าบริสุทธิ์.
ส่วนเราแล นอบน้อมเฉพาะพระสัมมาสัมพุทธ-
เจ้า ผู้เป็นอุดมบุรุษ จึงพ้นจากทุกข์ทั้งปวง ชื่อว่าทำ
ตามคำสั่งสอนของพระศาสดา.

จบ เขมาเถรีคาถา

3. อรรถกถาเขมาเถรีคาถา


คาถาว่า ทหรา ตุวํ รูปวตี ดังนี้เป็นต้น เป็นคาถาของพระเขมา
เถรี.

พระเถรีรูปนี้ ครั้งพระผู้มีพระภาคเจ้า พระนามว่าปทุมุตตระ อาศัย
คนอื่นเลี้ยงชีพ เป็นทาสีหญิงรับใช้ของคนอื่น ๆ อยู่ในกรุงหังสวดี นางเลี้ยง
ชีวิตอยู่ได้ด้วยการช่วยขวนขวายงานของคนเหล่าอื่น วันหนึ่ง ได้เห็นพระสุชาต-
เถระ อัครสาวกของพระปทุมุตตรสัมมาสัมพุทธเจ้ากำลังเที่ยวบิณฑบาตได้ถวาย
ขนมสามก้อน วันเดียวกันนั้น ก็ได้สละผมของตนถวายเป็นทานแก่พระเถระ
ทำความปรารถนาว่า ข้าพเจ้าพึงเป็นพุทธสาวิกา ผู้มีปัญญามากในอนาคต ไม่
ประมาทในกุศลธรรมตลอดชีวิต เที่ยวเวียนว่ายอยู่ในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
เป็นมเหสีของท้าวเทวราชแห่งทวยเทพฉกามาวจรมีท้าวสักกะเป็นต้นโดยลำดับ
และแม้ในมนุษยโลกก็เป็นมเหสีของพระเจ้าจักรพรรดิและพระเจ้าปฐพีมณฑล
หลายครั้ง เสวยมหาสมบัติแล้ว ครั้งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสี ก็เกิด
ในมนุษยโลก รู้เดียงสาแล้วฟังธรรมในสำนักของพระศาสดา ได้ความสังเวช
ใจบวชประพฤติ [โกมาริ] พรหมจรรย์อยู่ถึงหมื่นปี เป็นพหูสูต เป็นธรรมกถึก
ทำกรรมที่ให้เกิดปัญญาด้วยการกล่าวธรรมเป็นต้น แก่ชนเป็นอันมาก จุติจากภพ
นั้นแล้ว เที่ยวเวียนว่ายอยู่ในสุคติฝ่ายเดียว ในกัปนี้ ครั้งพระผู้มีพระภาคเจ้า
พระนามว่ากกุสันธะ และพระนามว่า โกนาคมนะ ก็บังเกิดในครอบครัวที่
สมบูรณ์ด้วยสมบัติ รู้เดียงสาแล้ว สร้างสังฆารามใหญ่ ได้มอบถวายแก่
ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข.